Employee Brand Engagement
แบรนด์ที่ชัดเจนในตลาด
มักมีจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งจากในองค์กร
การกำหนดจุดยืนและข้อเสนอของแบรนด์คือเรื่องสำคัญ
แต่นั่นเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น
ความท้าทายที่ตามมาคือทำอย่างไรให้กลุ่มคนที่อยู่ใกล้แบรนด์มากที่สุด ซึ่งก็คือพนักงานและบุคลากรในทุกๆ
ภาคส่วนของภายในองค์กรเข้าใจ เชื่อ และร่วมมือกันสร้างให้จุดยืนของแบรนด์ที่ได้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นจริงและสัมผัสได้
เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กรที่ได้ตั้งไว้ Employee Brand Engagement
จึงเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ในการสร้างแบรนด์ที่สำคัญอันดับต้นๆ ที่มักถูกกล่าวถึง
Employee
Brand Engagement คืออะไร?
Employee
Brand Engagement คือ การสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ในองค์กร
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีทิศทางที่เริ่มจากภายใน จากความคิด
ความเชื่อ พฤติกรรม และการนำเสนอ โดยมีจุดยืนของแบรนด์เป็นที่ตั้ง
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าแบรนด์ธนาคาร x มีจุดยืนในเรื่อง ‘ความสะดวก และรวดเร็ว’
จุดยืนนี้ไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้น ณ จุดขาย หรือจุดให้บริการ
แต่ควรเริ่มต้นตั้งแต่ในองค์กร จากความเข้าใจของพนักงานทุกกลุ่ม
ตั้งแต่ผู้ค้นคิดและออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินหรือบริการต่างๆ ผู้คุมกฎเรื่องความปลอดภัยของธนาคาร
ผู้ออกแบบและวางแผนเทคโนโลยี ผู้กำหนดราคา ผู้ให้บริการ ณ จุดบริการ หรือแม้กระทั่งพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ที่คอยให้ความช่วยเหลือลูกค้าเมื่อเกิดปัญหา
ทั้งหมดไม่เพียงแต่จำเป็นต้องมีความเข้าใจในจุดยืนเรื่อง ‘ความสะดวก และรวดเร็ว’ แต่สำคัญที่สุด พวกเขาต้องรู้ว่าในสายงานของตนนั้น
อะไรคือสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้เกิด ‘ความสะดวก และรวดเร็ว’ เช่น
การสมัครเงินกู้ควรมีขั้นตอนที่น้อยกว่าคู่แข่งและจำเป็นจริงๆ เท่านั้นหรือไม่
ระบบการบริการของตู้กดเงินด่วนควรตัดขั้นตอนอะไรที่ไม่จำเป็นแต่ยังคงรักษาความปลอดภัย
ระบบการชำระเงินรายเดือนของบัตรเครดิตธนาคาร x ควรให้ความสะดวกอย่างไร
โดยเฉพาะถ้ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่มีชีวิตที่เร่งรีบและมักลืมจ่ายค่าใช้จ่ายต่อเดือน
หรือขั้นตอนและระยะเวลาการรอของ call center ควรทำให้ผู้บริโภคสัมผัสได้ถึงจุดยืนของแบรนด์ธนาคาร
x ที่ว่า ‘สะดวก และรวดเร็ว’ ได้อย่างไร
จะเห็นได้ว่าทุกคนในองค์กรต้องเข้าใจจุดยืนของแบรนด์
และจุดยืนนั้นต้องกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกจุดสัมผัสที่ผู้บริโภคจะต้องพบกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นๆ
ซึ่งส่วนใหญ่มักมีคนหรือพนักงานขององค์กรเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น Employee Brand Engagement จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก
เพราะการทำ Employee Brand Engagement ที่ได้ผล จะทำให้บุคลากรในองค์กรตระหนัก
และปฏิบัติหน้าที่ของตนในมิติต่างๆ
เพื่อให้จุดยืนของแบรนด์ที่ได้กำหนดไว้มีความชัดเจนที่สุดท่ามกลางการแข่งขันและสภาพตลาดที่ซับซ้อน
ในภาพรวม
การทำ Employee Brand Engagement มี 4 ประเด็นหลักที่เป็นหัวใจ ซึ่งได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 สร้างความเข้าใจ และเห็นด้วย (right
understanding of the principle) คือทำให้พนักงานทั้งหมดเข้าใจจุดยืนของแบรนด์
ที่มา และเชื่อในความคิดและจุดยืนนั้นๆ
เพราะนี่คือภาพใหญ่
คือเป้าหมาย คือธงที่ปักไว้ให้ทุกคนร่วมสร้างจุดยืนนั้นด้วยกัน
คำว่าเข้าใจในที่นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การรับทราบ หรือรับรู้
แต่ต้องเข้าใจว่าทำไมนี่จึงเป็นจุดยืนของแบรนด์ที่องค์กรของเราเลือก
และไม่เลือกที่จะเดินอีกทาง
ถึงตรงนี้
อาจต้องให้ความสำคัญต่อบทบาทของจุดยืนของแบรนด์ เพื่อให้ทุกท่านเห็นความสำคัญ
เพราะจุดยืนของแบรนด์นั้น ไม่ใช่คำสวยหรูที่ถูกตีกรอบไว้ในกลยุทธ์เพียงอย่างเดียว
จุดยืนของแบรนด์มักเป็นเรื่องใหญ่
สมบูรณ์แบบ (Ideal) เช่น ความเชื่อและความกล้าที่จะสร้างโลกที่แตกต่างอย่างมีทิศทาง
ผ่านบทบาทของสินค้าและบริการ เช่น Oxfam (หน่วยงานข้ามชาติที่ลดความยากจนและหยุดความไม่เท่าเทียมของมนุษย์และสังคม)
ได้กำหนดจุดยืนขององค์กรไว้ว่า We believe we can end poverty and injustice, as
part of a global movement change ด้วยการ (How we do it) Respect human rights
will help lift people out of poverty จะเห็นได้ว่าใจความสำคัญของ Oxfam คือ หยุดความยากจน
(end proverty) และมอบความเท่าเทียมกัน (give justice) ผ่านการเคารพสิทธิมนุษยชน
(through respect of human right) ฉะนั้นการใช้เงินช่วยให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือได้รับความเป็นธรรมอาจไม่ใช่วิถีของ
Oxfam แต่ Oxfam จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงและลดความยากจนรวมทั้งความไม่เท่าเทียมกันในสังคมผ่านสิทธมนุษยชนเท่านั้น
จะเห็นได้ว่า
การมีเป้าหมายและจุดยืนที่ชัดเจน ทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าใจคุณค่าของแบรนด์
ซึ่งนำไปสู่วิถีหรือบทบาทของตนเอง เพื่อภาพที่ชัดเจนเป็นหนึ่งเดียว
ขั้นตอนที่ 2 ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนภายในองค์กร
(identify the right people) ด้วยการพิจารณาว่ากลุ่มคนใดที่จะให้ความร่วมมือสูงสุดภายในองค์กร
และจะเป็นผู้ผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย
ความจริงคือ
ทุกคนในองค์กรควรมีส่วนร่วมในการสร้างแบรนด์ แต่ระดับความเชื่อและบทบาทอาจจะมากน้อยแตกต่างกันไป
โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของการทำ Employee Brand Engagement ยิ่งองค์กรใหญ่หรือซับซ้อนเท่าไร
ยิ่งยากที่จะทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจหรือเชื่อในจุดยืนของแบรนด์ในมิติเดียวกัน
ดังนั้นการทำความเข้าใจทัศนคติที่หลากหลายของพนักงานภายในองค์กร จึงมีความสำคัญ
และช่วยให้การทำ Employee Brand Engaement มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีขึ้น
โดยรวม
พนักงานสามารถถูกแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ตามความเข้าใจอย่างถ่องแท้ (intellectual
connection) และการมีความรู้สึกร่วมรับผิดชอบ (emotional commitment)
กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่เชื่อและพร้อมจะใส่ใจในการผลักดัน ขอเรียกว่ากลุ่ม
champion
คนกลุ่มนี้มักพร้อมจะเป็นผู้นำทางความคิด และให้การสนับสนุนภาคปฏิบัติ
รวมถึงส่งต่อความคิดไปยังผู้อื่นในองค์กร คนกลุ่มนี้ควรถูกจัดให้เป็นทีมทำงาน
ทั้งในเชิงปลูกฝังความคิด และสร้างตัวอย่างในการปฏิบัติตน
กลุ่มที่ 2 คือ พวกตรงข้ามกับกลุ่มแรก และเป็นจุดอ่อนขององค์กร (weak
link)
พวกเขามักไม่รับรู้ ไม่พยายามจะรับรู้ บางทีถึงขั้นไม่ใส่ใจ
โดยกลุ่มนี้มีสิทธิเปลี่ยนใจไปเป็นผู้ที่พร้อมจะผลักดันได้ หรืออาจตั้งตนเป็นศัตรูกับจุดยืนใหม่ขององค์กร
ดังนั้น เราควรเข้าใจให้ได้ว่าอะไรเป็นจุดที่ทำให้เขาไม่เห็นด้วย
และปรับความเข้าใจนั้นๆ อย่างมีเหตุผลผ่านช่องทางที่เขาจะพร้อมเปิดรับมากที่สุด
กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่ากลุ่มขี้โม้โอ้อวด (loose
cannon) พวกเขาใส่ใจ แต่ไม่รู้จริง
มีความรู้สึกร่วมสูงแต่ขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ประเด็นหลักสำหรับกลุ่มนี้ คือ การขาดทิศทาง
สำหรับกลุ่มนี้ การบอกทิศทางเดินที่ชัดเจนให้เขาเดินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
กลุ่มที่ 4 คือกลุ่มที่ยืนมอง แต่ไม่เข้าร่วม แต่คอยสังเกตการณ์
(bystander)
คนกลุ่มนี้เข้าใจทิศทางของแบรนด์อย่างชัดเจน แต่ไม่สนใจ ไม่มีความตั้งใจที่จะร่วมรับผิดชอบ
(commitment) คนกลุ่มนี้สามารถสร้างความยุ่งเหยิง
โดยสามารถลุกขึ้นมาปลุกระดมกลุ่มอื่นไปในทางที่ผิด
เราจึงควรแยกคนกลุ่มนี้ออกจากบุคลากรส่วนใหญ่
ขั้นตอนที่ 3 กำหนดขั้นตอนที่จะทำให้ทุกคนร่วมสร้างจุดยืนของแบรนด์ให้แข็งแรง
(effective roll out program) หรือจัดทำโปรแกรมเพื่อเข้าหากลุ่มคนต่างๆ
ขององค์กร
การทำให้บุคลากรเข้าใจจุดยืนของแบรนด์นั้น
มีจุดเริ่มต้นได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะผ่านการประกาศของผู้บริหารหรือเจ้าของ
ผ่านการจัดการประชุมองค์กร (town hall meeting) หรือหากองค์กรมีความซับซ้อน
การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) ก็มักเป็นอีกหนึ่งทางเลือก วิธีนี้ส่งผลดี คือ ให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับการกำหนดจุดยืนร่วมกัน
เมื่อบุคลากรที่เป็นหัวเรือใหญ่มีส่วนร่วม ก็มักจะนำไปสู่ความเชื่อ
ความเป็นเจ้าของ และนำไปปฏิบัติในสายงานของตนอย่างจริงจัง
การกำหนดกลุ่มคนอื่นๆ
ที่นอกเหนือจากผู้บริหาร เพื่อผลักดันจุดยืนของแบรนด์กับบุคลากรในองค์กร
อาจเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้
เพราะเจ้าของหรือผู้บริหารส่วนใหญ่มักไม่มีเวลาลงมาทำการสร้าง Employee Brand
Engagement ได้ต่อเนื่องตลอดเวลา
การกำหนดผู้นำทางความคิดกลุ่มย่อย เช่น brand steering group
ซึ่งอาจได้มาจากกลุ่ม champion ที่ได้กล่าวไว้ในขั้นตอนที่สอง มักเป็นทางที่หลายองค์กรเลือก
กลุ่มนี้จะมีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการสร้างความเข้าใจ และชักจูงให้เกิดการปฏิบัติได้อย่างดี
ขั้นตอนที่ 4 กำหนดระบบ หรือขั้นตอนเพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งของการมีส่วนร่วม
(process for continuous
improvement) เพื่อให้เกิดการรับทราบในจุดยืนของแบรนด์ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
และถูกต่อยอดไปในทิศทางที่ควรจะเป็น
เพราะถึงแม้จุดยืนของแบรนด์นั้นมักไม่ค่อยถูกเปลี่ยน
แต่ควรบอกเล่าและตอกย้ำกับคนในองค์กรบ่อยๆ ดังนั้นการสื่อสารภายในองค์กร ควรต้องยกตัวอย่างการปฏิบัติที่ทำให้แบรนด์แข็งแรงเป็นประจำ
ผ่านสื่อที่มีอยู่ในองค์กร การจัดกิจกรรม หรือแม้กระทั่งการประกวด
เพื่อผลักดันให้เกิดการแข่งขัน และส่งเสริมให้บุคลากรกล้าแสดงออก จึงจำเป็นที่พนักงานทุกคนในองค์กร
ทั้งเก่าและที่เพิ่งเข้ามา ต้องเห็นด้วย เข้าใจ และรู้สึกมีส่วนร่วมกับวิสัยทัศน์ขององค์กร
จากขั้นตอนหลักทั้ง
4 จะเห็นได้ว่าการสร้างแบรนด์จากภายในเป็นเรื่องของทุกคนในองค์กร ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงผู้ปฏิบัติงาน
ทั้งหมดต้องทำอย่างมีระบบ แบบแผนและต่อเนื่อง จากสถิติที่ว่า 70%
ของทัศนคติที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์
เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับบุคลากรของแบรนด์นั้นๆ (source: Ken Irons,
Market Leader) จึงปฎิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์ที่เริ่มจากความเข้าใจจากคนในองค์กรไปสู่ภายนอก
จะมีความชัดเจนมากกว่า ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็คือ
บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ควรทำสิ่งที่พูด และพูดในสิ่งที่ทำ
ซึ่งคือหัวใจของการทำ Employee Brand Engagement
_________________________________________________________________________________
โดย อมรทัต สุนทรสวัสดิ์ - Amorntat Soonthornsawad
อมรทัต สุนทรสวัสดิ์
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ The Brand Union (Bangkok) ก่อนหน้านี้
อมรทัตดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ของโอกิลวี่ กรุ๊ป
ดูแลรับผิดชอบการวางแผนการสื่อสารแบบ 360 องศา และการสร้างแบรนด์ที่เน้นทั้งประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์
ให้แก่แบรนด์ชั้นนำมากมาย
เพื่อช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลประเภท “Ad
That Works” ถึงสองรางวัลในปี 2551
จากเวทีแอดแมน อวอร์ด ด้วยผลงาน “นมผงดูเม็กซ์ ไฮคิว” และ “บัตรเชื่อมรักเคาน์เตอร์เซอร์วิส”
อมรทัตสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์จาก
University of Massachusetts Amherst และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก
Clark University